ติดต่อเรา
Forex คืออะไร? สร้างรายได้ได้ยังไงบ้าง?

Forex คืออะไร? สร้างรายได้ ได้ยังไง?

สวัสดีครับ ก่อนที่เราจะมาเริ่มสร้างรายได้จากตลาด Forex

ผมอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคำว่า "Forex" ให้มากขึ้นก่อนนะครับ

สำหรับใครที่อยากอ่านเนื้อหา หรือเทคนิคการเทรดอื่น ๆ 

สามารถคลิกอ่านได้ ที่นี่ ครับ

what is forex

Forex คืออะไร?

Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Market ซึ่งให้แปลตรง ๆ ก็คือตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงิน นั่นเองครับ

ถ้าให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้นึกถึงตอนที่เราจะไปเที่ยวเมืองนอกครับ

เช่น ถ้าผมจะไปประเทศญี่ปุ่น ผมต้องเอาเงินบาทไทย ( THB ) ไปแลกเป็นเงินเยนญี่ปุ่น ( JPY ) โดยอัตราแลกเปลี่ยน ก็ขึ้นอยู่กับค่าเงิน ณ เวลานั้น

โดยเราสามารถเช็คคร่าว ๆ ได้จากเรทอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารต่าง ๆ ได้จากเว็บ Google เลยครับ

จากภาพข้างล่างจะเห็นว่า 1 บาทไทย มีค่าเท่ากับ 3.91 เยนญี่ปุ่น

( วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 )

ซึ่งเรทนี้จะถูกกว่าเรทธนาคารนะครับ เวลาแลกจริง ๆ เราควรไปแลกตามสถานที่ที่เชื่อถือได้ครับ

THB JPY

ในการสร้างรายได้จากตลาด Forex มีหลายแบบมาก ๆ 1 ในนั้นคือ "การเทรด" ครับ

การเทรดก็คือการซื้อมา - ขายไป โดยสินค้าที่เราเทรด เค้าจะเรียกว่าเป็นสินค้าประเภท CFDs

CFDs คือ Contracts for differences 

แปลว่า สัญญาส่วนต่างของราคา โดยผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ CFDs เพิ่มในบทความต่อ ๆ ไปนะครับ

 

ตลาด forex มีไว้ทำไม

ตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินมีไว้ทำไม?

นอกจากการท่องเที่ยวที่เราได้ยกตัวอย่างไปแล้ว ตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินยังมีไว้สำหรับ การนำเข้า - ส่งออก อีกด้วยครับ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมต้องการขายส่งออกข้าวสารไปต่างประเทศที่ประเทศอเมริกา

ผมก็ต้องคิดเงินลูกค้าเป็นหน่วย ดอลลาร์สหรัฐ ( USD )

สมมติ ข้าว 1 ตัน มูลค่า 3,000 USD ลูกค้าขอเครดิต 90 วัน

เมื่อครบกำหนดเครดิตที่ลูกค้าขอไว้ ผมก็จะได้รับเงิน 3,000 USD 

แต่เมื่อผมต้องการจะนำเงินไปจ่ายเงินเดือนให้ทีมงาน ผมก็ต้องไปแลกเงิน USD เป็นเงินไทยบาท ( THB )

นี่ก็คืออีกตัวอย่างนึงของตลาด Forex ครับ

 

จะเห็นได้เลยว่าจริง ๆ แล้ว Forex มันก็อยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่แหละ แต่ที่คนส่วนใหญ่กลัว ฟอร์เร็กซ์ ๆ ก็เพราะว่า มีกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีใช้คำว่า "ฟอร์เร็กซ์" ไปหลอกลวงทำแชร์ลูกโซ่ คนที่ไม่รู้เรื่องก็โดนหลอกเสียเงินไปตาม ๆ กัน

 

7 คู่สกุลเงินหลัก

7 คู่สกุลเงินหลัก

ตอนนี้เราได้รู้แล้วครับว่า Forex คืออะไร? มีไว้ทำไม?

ต่อไปเรามาเริ่มเจาะลึกกันครับว่า เราจะเริ่มทำเงินจากมันได้ยังไงบ้าง?

 

ทุกคนที่มาอ่านบทความนี้คงจะรู้จัก ประเทศสหรัฐอเมริกา ( USA ) กันอยู่แล้วใช่ไหมครับ?

( ถ้าใครไม่รู้จัก รบกวนไปอ่านในลิงก์ที่ผมแปะไว้ข้างบนนะครับ )

 

อเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มาก ๆ เป็นอันดับ 1 - 2 ในโลกเลยครับ

มีบริษัทใหญ่ ๆ มากมายตั้งอยู่ในประเทศอเมริกาและทำการค้าขายกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ก็เลยเกิดการแลกเงินข้ามไปมา เรียกได้ว่าตลาด Forex ที่มีสกุลเงิน USD ผูกอยู่ด้วยนี่มีการซื้อขายกันตลอดเวลาทุกคู่เงินเลยทีเดียว

ภาพข้างบนผมได้ทำการเรียงลำดับจากปริมาณซื้อขาย มากที่สุด - น้อยที่สุด ใน 7 คู่สกุลเงินหลักไว้ให้ ลองย้อนดูนะครับ

 

ที่เราพูดถึง 7 คู่เงินหลักเพราะ ในการเทรดค่าเงิน เราควรเลือกเทรดสินค้าที่มีคนเค้าเทรดกันเยอะ ๆ ครับ

มันเหมือนเราซื้อ-ขาย สินค้าที่ คนให้ความนิยมนั่นแหละครับ 

มันทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้คร่าว ๆ ว่าสินค้านั้น ๆ ควรจะมีแนวโน้มแบบไหนในอนาคต

 

ตัวอย่างคู่เงิน xauusd

ตัวอย่างคู่เงินและความหมาย

ในภาพผมได้นำตัวอย่างราคาของคู่เงินที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้รู้จักกันครับ

นอกจาก 7 คู่สกุลเงินหลักแล้ว ยังมีอีกสินค้าที่ได้รับความนิยมในการเทรดมาก ๆ ก็คือ ทองคำ ครับ

 

ในโปรแกรมเทรดเราจะเห็นสัญลักษณ์ XAUUSD โดย XAU คือชื่อทางเคมีของ ทองคำ ครับ

 

ตัวอย่างจากตารางในภาพ

XAUUSD คือ ทองคำ 1 หน่วย ( troy ounces ) มีค่าเท่ากับ 1,714.41 USD 

ASk 1,714.41 คือราคาที่เราซื้อจากโบรกเกอร์

Bid 1,714.28 คือราคาที่เราขายคืนโบรกเกอร์

! ( Spread ) คือระยะห่างระหว่างราคา Ask - Bid 

 

ถ้าดูข้างบนแล้วยังไม่เข้าใจ ลองนึกถึงตอนเราเดินผ่านร้านทองตามห้างนะครับ

เราจะเห็นเค้าขึ้นป้ายว่า 

ราคาทองวันนี้

ลองสังเกตดูตรงราคาขายออก และ รับซื้อคืนครับ

ขายออกก็คือ ราคา Ask

ซื้อคืนก็คือ ราคา Bid

Spread ก็คือ 100 บาท 

 

Ask bid spread คืออะไร

Spread คืออะไร? สำคัญยังไง?

จากข้อที่แล้วเราได้รู้แล้วว่า Spread คือความต่างของราคาซื้อคืนกับขายออก

พูดง่าย ๆ ก็คือ Spread เป็นค่าธรรมเนียมของบริษัทครับ

ในการแลกเงินทั่ว ๆ ไปก็เหมือนกันนะครับ

 

ถ้าเราไปธนาคารเพื่อแลกเงิน แล้วอยู่ ๆ เกิดเปลี่ยนใจอยากแลกคืน ทันที

ผมก็จะขาดทุนค่า Spread ทันทีครับ ไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ

 

ราคา Bid Ask มาจากไหน

ราคา Bid Ask มาจากไหน?

ในการเทรด Forex หรือ CFDs เราจะได้ราคา Bid Ask มาจากเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ครับ

โบรกเกอร์คือตัวกลางการซื้อขายระหว่างเรากับธนาคารใหญ่ ๆ ครับ

 

ต้องเล่าให้ฟังนิดนึงก่อนว่าโดยปกติการเทรด CFDs หรือ Forex เราจะไม่สามารถเดินไปเทรดตรงกับธนาคารที่สร้าง CFDs ขึ้นมาให้เราเทรดได้ครับ

เพราะในสัญญาการซื้อขายนั้นมันใหญ่มาก ๆ ต้องใช้เงินมหาศาล ในการเปิดออเดอร์เพื่อเก็งกำไร

เพราะฉะนั้นเราเลยต้องพึ่งพา Broker ( โบรกเกอร์ ) ในการเป็นตัวกลาง รวบรวมออเดอร์ของนักเทรดรายย่อยอย่างเรา ๆ 

เมื่อรวบรวมออเดอร์ได้แล้ว โบรกเกอร์จะทำการส่งออเดอร์ต่าง ๆ ไปที่ธนาคารใหญ่ ๆ เหล่านั้น แทนเราครับ

 

เรื่องของโบรกเกอร์ จะมีเล่าให้ฟังเพิ่มในบทความต่อ ๆ ไปนะครับ

 

 

ความผันผวนของค่าเงินเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ในการเทรดเราสามารถทำ กำไร และ ขาดทุน ได้จากส่วนต่างของราคาครับ

โดยการเทรด CFDs เราสามารถทำกำไรได้ทั้ง ขาขึ้น และ ขาลง 

พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าราคาสินค้านั้นจะ แพงขึ้น หรือ ถูกลง เราก็สามารถทำกำไรได้ครับ

 

เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว ต่อไปเราควรจะต้องรู้ครับว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลทำให้ค่าเงินต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป

ข้างล่างจะเป็นตัวอย่างปัจจัยที่มีผลกับค่าเงิน ลองอ่านทำความเข้าใจดูนะครับ

เศรษฐกิจมีผลกับความผันผวนของค่าเงิน

เศรษฐกิจ

ตัวอย่างเรื่องเศรษฐกิจคือ ถ้าประเทศไหนมี เศรษฐกิจดี ผู้คนมีรายได้เพียงพอในการใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ลำบากมาก

( คือถ้าประชาชนลำบากมาก ๆ มันอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ ได้ง่ายครับ )

บริษัทใหญ่ ๆ เค้าก็จะอยากเอาเงินเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น ๆ เช่น มาเปิดร้านเสื้อผ้า มาเปิดร้านอาหารในประเทศนั้น ๆ

ซึ่งการจะเอาเงินเข้ามาลงทุน เค้าก็ต้องแลกเงินจากบ้านเค้าเพื่อมาใช้จ่ายในประเทศนั้น ๆ 

ก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นมี มูลค่าสูงขึ้น นั่นเองครับ

 

ปัจจัยจากผู้บริโภค

ผู้บริโภค

ผู้บริโภคในที่นี้คือคนที่มาจับจ่ายใช้สอยด้วยค่าเงินนั้น ๆ เช่น คนในประเทศและนักท่องเที่ยว

ยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวแล้วกันนะครับ สมมติว่ามีชาวต่างชาติต้องการเข้ามาเที่ยวประเทศไทย

พวกเค้าจะต้องนำเงินบ้านตัวเองมาแลกเป็นเงินบาทไทย 

เมื่อมีคนแลกเงินบาทเป็นจำนวนมาก ๆ เงินบาท ก็จะมีราคา แพงขึ้น ตามกฎของเศรษฐศาสตร์

คือเมื่อมี อุปสงค์ ( Demand ) มากกว่า อุปทาน ( Supply ) ของสิ่งนั้นก็จะมีราคาสูงขึ้น

 

ปัจจัยด้านดุลบัญชีเดินสะพัด

ดุลบัญชีเดินสะพัด

ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ถ้าสนใจอ่านเต็ม ๆ คลิกที่ ลิงก์ ครับ

 

ตัวอย่างจากในลิงก์

ดุลเดินสะพัด

จากภาพข้างบน จะเห็นว่า Bank of Thailand บอกว่า ถ้างบเกินดุลแสดงว่ามี รายได้ เข้าประเทศ มากกว่า รายจ่าย 

ทำให้ค่าเงิน แข็งขึ้น นั่นหมายความว่า เมื่อเอาเงินบาทไปเทียบกับเงินอื่น ๆ เงินบาทจะ แพงขึ้น นั่นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันไม่ได้หมายความแบบนั้นเสมอไปนะครับ ต้องดูหลายอย่างประกอบกันด้วย

 

ปัจจัยด้านการเมือง

การเมือง

การเมืองมีผลมีผลอย่างไร? ผมขอยกตัวอย่าง หน่วยงานราชการ และ รัฐบาล แล้วกันนะครับ

 

หน่วยงานราชการทำงานขึ้นตรงกับรัฐบาลถูกต้องไหมครับ?

ทีนี้ นโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

นโยบายด้านเศรษฐกิจ หรือ นโยบายภาษีการนำเข้า-ส่งออก หรือ นโยบายด้านดอกเบี้ย และอีกมามาย

ล้วนมีผลกับ สภาพเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอยของ ผู้บริโภค และ นักลงทุน ทั้งนั้นครับ

 

ยกตัวอย่างเรื่องนักลงทุน สมมติ มีบริษัทใหญ่มาก ๆ เจ้านึงต้องการสร้างโรงงานผลิตสินค้า ซึ่งจะสร้างรายได้ สร้างงานให้ประเทศนั้น ๆ เป็นจำนวนเงินมหาศาล

เค้าก็ต้องมองหาประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่า ถ้าเค้าเอาเงินมาลงทุนแล้ว โรงงานของเค้าจะมั่นคง น้ำไม่ท่วม ไม่เสียหาย หรือ อื่น ๆ ใช่ไหมครับ?

หรือพูดง่าย ๆ คือ นโยบายที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า มาลงทุนแล้วจะทำกำไรได้ 

 

เมื่อเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศมาก ๆ ค่าเงินของประเทศนั้น ๆ ก็จะมีราคาแพงขึ้น ตามเหตุผลก่อน ๆ ที่ผมเล่ามาแล้วข้างบนครับ

 

นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว นโยบายด้านดอกเบี้ยยังมีผลกับค่าเงินมาก ๆ ด้วยเช่นกันครับ

ยกตัวอย่างที่เห็นผลชัด ๆ เลยก็คือ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือที่เราเรียกว่า FED ( Federal Reserve System )

 

ตามที่ทุกคนได้รู้แล้วว่า สกุลเงิน USD นั้นใหญ่มาก ๆ และ FED ก็เป็นเหมือนคนควบคุมค่าเงิน USD

FED สามารถทำให้มูลค่าเงินของ USD นั้น เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง ได้ตามการออกนโยบายเลยครับ

 

ตัวอย่างง่าย ๆ คือ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ FED ประกาศ ขึ้นดอกเบี้ย มูลค่า USD ก็จะ สูงขึ้น

ยิ่งดอกเบี้ยสูงขึ้นเท่าไหร่ USD ก็ยิ่งราคาแพงขึ้นเท่านั้น

เหตุผลก็คือ เวลาที่ธนาคารขึ้นดอกเบี้ย เค้าจะขึ้นดอกเบี้ยทั้ง 2 อย่าง

  1. ดอกเบี้ยเงินฝาก
  2. ดอกเบี้ยเงินกู้

ถ้า ดอกเบี้ยเงินฝาก สูง คนก็จะอยาก เอาเงินมาฝาก

เพราะการฝากเงินเอาดอกเบี้ย เป็นการลงทุนที่ ปลอดภัยที่สุด แล้ว 

( ถ้าธนาคารไม่เจ๊งนะครับ )

 

เมื่อคนต้องการเอาเงิน USD มาฝาก เค้าก็ต้องขายสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อแลกเงินมาเป็น USD

หลังจากนั้น มูลค่าของ USD ก็จะ สูงขึ้น ครับ

 

ปัจจัยด้านภัยธรรมชาติ

ภัยธรรมชาติ

โดยปกติ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น โรคระบาดอย่างโควิด หรือ ภัยธรรมชาติ รัฐบาลทั่ว ๆ ไป ก็จะนำเงินรายได้ของรัฐบาล ( เช่น ภาษี ) 

ไปพัฒนาประเทศให้ เจริญ ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน ให้นำเงินมาลงทุนในประเทศ เพื่อให้เศณษฐกิจดีครับ 

 

กลับกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบที่กล่าวมาข้างบน รัฐบาลทั่ว ๆ ไป ก็ควรจะนำเงินเหล่านั้น ไปเยียวยา ช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัย

เพื่อให้ประชาชนยังดำรงชีพ หรือกลับมาทำงานเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และ มีเงินไปจ่ายภาษี เพื่อให้ รัฐบาลทั่ว ๆ ไป นำไป พัฒนาประเทศ ต่อครับ

เมื่อต้องนำเงินไปช่วยเหลือเยียวยา เศรษฐกิจอาจไม่ดีแต่ก็แค่ชั่วคราว ทำให้ค่าเงินอาจจะลดลงได้นิดหน่อยครับ

 

ปัจจัยด้านการเก็งกำไร

การเก็งกำไร

นอกจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดแล้ว ยังมีอีกปัจจัยนึงที่มีผลกับค่าเงิน นั่นก็คือ "การเก็งกำไร" ของเทรดเดอร์รายใหญ่ เช่น กองทุน 

 

การเก็งกำไรถึงมีผลกับราคาได้ยังไง?

ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ Black Wednesday โดยปู่ George Soros ครับ

George Soros Black Wednesday

สำหรับคนที่อยากอ่านบทความเรื่อง Black Wednesday เต็ม ๆ คลิกที่นี่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าว ๆ คือ ธนาคารกลางของอังกฤษ ต้องการตรึงราคาค่า เงินปอนด์ ( GBP ) เอาไว้ 

ก็คือไม่ต้องการให้ราคาค่าเงินของตัวเองต่ำลงไปกว่านี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศตัวเองก็ย่ำแย่

BoE ก็เลยต้องใช้นโยบายที่ มีความเสี่ยงสูง ต่าง ๆ เพื่อรักษาราคาเอาไว้ เช่น การซื้อเงินปอนด์คืนจากที่อื่นมาเก็บไว้เอง

( หลาย ๆ ครั้ง ธนาคารกลางแต่ละประเทศจะเอาเงินไปซื้อสกุลเงินของประเทศตัวเองมาเก็บไว้เพื่อพยุงราคา ไม่ให้ต่ำเกินไป )

ปู่โซรอส เห็นโอกาสในการทำกำไรด้วยการ Short ( เปิดสัญญาขาย ) ค่าเงิน GBP 

***** Short Long คืออะไร? *****

การเทรดจะมีประเภทของสัญญาซื้อขายอยู่ 2 แบบหลัก ๆ 

  1. Sell หรือ Short คือการเปิดสัญญา ขาย
  2. Buy หรือ Long คือเปิดสัญญา ซื้อ

การ Short ในที่นี้คือ การยืมสินค้าในอนาคตมาขายก่อน แล้วค่อยไปซื้อคืนทีหลัง

จะได้ กำไร ก็ต่อเมื่อ ราคาสินค้ามี มูลค่าลดลง

 

การ Long ก็คือ การซื้อสินค้ามาเก็บไว้ แล้วขายในอนาคต

จะได้ กำไร ก็ต่อเมื่อ ราคาสินค้ามี มูลค่าเพิ่มขึ้น

***** Short Long คืออะไร? *****

 

มาต่อกันที่ปู่โซรอสกันครับ 

ที่ปู่เข้า Short ค่าเงิน GBP เพราะเค้าคิดว่า ธนาคารกลางของอังกฤษ น่าจะซื้อเงินคืนได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องยอมปล่อยให้ มูลค่าเงินของตัวเองลดลง

เหตุผลก็คือ เศรษฐกิจของอังกฤษช่วงนั้นไม่ดี แสดงว่า รายรับน้อยกว่ารายจ่าย

แถมยังต้องเอาเงินไปซื้อค่าเงินตัวเองอีก มันเป็นการกระทำที่ไม่ควรสุด ๆ 

 

แล้วก็ตามคาดหลังจากที่ปู่โซรอส Short ค่าเงิน GBP ไปได้ไม่นาน 

2 สัปดาห์หลังจากนั้น BoE ก็ยอมปล่อยให้ค่าเงินของตัวเองลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปู่โซรอสก็เลยได้กำไรไป เป็นพันล้าน USD ( ในปี 1992 )

 

สรุป

  • ตอนนี้ทุกคนควรได้รู้แล้วว่า Forex คืออะไร มีความเป็นมายังไง และปัจจัยอะไรมีผลกับค่าเงินบ้าง
  • ปัจจัยต่าง ๆ ที่เอามาเขียนในที่นี้คือทฤษฎีล้วน ๆ การตีความเพื่อเก็งกำไร ยังไงก็ต้องใช้ประสบการณ์และการติดตามข่าวสารนะครับ
  • จะเห็นได้ว่าปัจจัยต่าง ๆ เกี่ยวข้องกันทั้งหมด ราคาค่าเงินอาจจะผันผวนแรงบ้าง เบาบ้าง แต่ในความเป็นจริงคู่เงินต่าง ๆ ในตลาด Forex จะมีธรรมชาติของมันเอง ควรศึกษาให้ดีก่อนเริ่มลงทุน 
  • การขาดทุนเกิดขึ้นได้ครับ เป็นเรื่องปกติ แม้แต่ธนาคารอังกฤษยังเคยเจ๊งเลย 

 

สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝากทุกคนไว้ว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง 

การจำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในขอบเขตที่เรารับได้ไม่ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต จึงสำคัญมากครับ